By Lady Manager
ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน พอเราจะชงกาแฟให้ รีบพูดโพล่งบอกไม่ต้องใส่น้ำตาลนะ เพราะหน้าน้องนั้นหวานเจี๊ยบอยู่แล้ว แต่..พอได้เเจ๊ะแจ๊ะ แอบแซ่บ เราเท่านั้นแหละ ไม่กี่เดือนรีบใส่เกียร์ 5 เหยียบคันเร่งมิดเผ่นเเน้บจากเรา ใช่ซี๊..เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน แค่หายใจเข้า หายใจออก ก็ผิดแล้วใช่ม่ะ T T
แต่ก่อนติดเราหนึบเหมือนปลาท่องโก๋ จะเข้าห้องน้ำที บอกรีบๆ ฉี่ เร่งๆ อึนะ ผมคิดถึง ไม่อยากจากสักเสี้ยวนาที ตอนนี้เหรอ พอมันแซะตัวออกจากเตียงได้ ก็รีบคว้าเสื้อหยิบกางเกงใส่วิ่งแน่บออกจากบ้านทันที โดยไม่ร่ำไม่ลา
"พวกผู้ชายเป็นงี้ทุกคนแหล่ะ"
เพื่อนสาวที่เพิ่งสละโสดบอกเล่าเก้าสิบ
"เดี๋ยวนี้เวลาให้ชั้นนะแก แทบจะไม่มี เอะอะทำงาน ติดประชุม พอวันหยุดที ก็นัดเพื่อนในก๊วนดริ้งก์มั่งแทงสนุ้กมั่ง พอชั้นขอไปด้วย บอกเกะกะ"
"ระวังนะแก พี่เค้าอาจจะเปลี่ยนจากแทงสนุ๊กเป็นแทงรูอื่นที่นิ่มๆ แถมดิ้นได้ ฮิฮิ"
เพื่อนสาวรีบตัดบทสนทนา พร้อมค้อนขวับหนึ่งที
"อ้าว ก็พวกผู้ชายส่วนใหญ่เค้าก็ต้องดูบอล เตะบอล สังสรรค์ กินเหล้า เฮฮา ตีสนุ้ก แต่งรถ ฯลฯ ทำคนเดียวได้มั้ย ไม่ได้ มันต้องอยู่กับเพื่อนฝูง ถึงจะมันส์สะเด็ดสะเด่า
ส่วนพวกผู้หญิงชอบทำอะไร้ ก็ช้อปปิ้ง เสริมสวย ทำผม ทำเล็บ ขัดตัว ทำคนเดียวได้มั้ย ได้สิ เสริมสวยก็ต้องไปคนเดียวอยู่แล้ว มีคนไปด้วยเค้าก็ต้องมานั่งรอ ส่วนช้อปปิ้งไม่มีแฟนก็ไปกับเพื่อน มีแฟนก็ไปกับแฟน อ้ะ แปลว่าไม่ติดเพื่อนก็ได้นี่" เพื่อนชายข้างบ้านสไตล์แรฟโย่ว สาธยายอาการสารพัดติดของหนุ่มๆ ทำนองฮิปฮอปอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวใครแย่งพูด |
"ถ้าจะเหมารวมว่าทำไมผู้ชายถึงสารพัดติด เพราะว่าการกระทำเหล่านี้มันไปกระตุ้น สิ่งที่เรียกว่า ‘รางวัล’ คือ เมื่อเขาทำสิ่งนั้นแล้วจะมีความสุข มันได้อะไรบางอย่างที่เขาต้องการ จึงทำพฤติกรรมนั้นซ้ำๆ เช่น การใช้สารเสพติด ก็ทำให้เกิดความสุขขึ้นมาได้
ใช้แล้วผ่อนคลาย หรือรู้สึกว่า มีความกระตือรือร้นอยากทำงาน หรือมีอะไรที่รู้สึกว่า ทำแล้วกระชุ่มกระชวยขึ้นแม้จะรู้ว่าสิ่งที่ตามมาจะเป็นโทษก็ตาม"จิตแพทย์ โยธิน วิเชษฐวิชัย แห่งโรงพยาบาลสมิติเวช อธิบายนิสัยของผู้ชายที่ขี้ติด ติดทุกสรรพสิ่งยกเว้น "ติดแฟน"!
แหม มันช่างน่าน้อยเนื้อต่ำใจ น่าทำปืนลั่นใส่สักนัดสองนัด ว่าม่ะ
ว่าแต่ พวกบรรดาผู้ชายเขาจะติดอะไรกันบ้าง ติดจนงอมแงม ถอนรากถอนโคนไม่ขึ้นหรือเปล่า เราลองมาดู แบ่งปันประสบการณ์ที่ชายเสพติดกันค่ะ
Case1 : ติดงาน |
แต่ละคนถูกปลูกฝังต่างกัน บางคนคิดว่า การบ้างาน โหมงานหนักทำให้ลูกน้อง เพื่อนร่วมงานยอมรับ นับถือ ซึ่งคุณหมอ ย้ำว่าไม่จริงเสมอไป
"หมอเชื่อว่า คนๆ นั้นอาจจะต้องการการยอมรับทางสังคม อาชีพ มีอะไรบางอย่าง เขาโฟกัสตรงนั้นมาก ถ้าตามประเด็นทางจิตวิทยา ก็คือ ซิกมันด์ ฟรอยด์(Sigmund Freud) กล่าวไว้ว่า ทุกอย่างที่มนุษย์กระทำมีเหตุผลมาจากอดีต คือ เขา อาจจะถูกปลูกฝังว่า ถ้าคุณทำงานได้ตำแหน่งสูงๆ คุณจะได้รับการถือหน้าถือตา เพื่อนร่วมงาน ลูกน้องรักใคร่ จึงโฟกัสตรงนั้น
ขณะที่การเลี้ยงดู หรือการเอาใจใส่ครอบครัว ไม่ได้รับการปลูกฝังมาก็อาจไม่ได้รู้สึกว่าสำคัญในชีวิต อันนี้ค่อนข้างกว้าง แต่ละคนไม่เหมือนกัน ประสบการณ์ในอดีตของเขาจะไปเจออะไรมา ถ้าเขาถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้ แล้วได้สิ่งที่ต้องการ เขาก็จะถูกสั่งสอน อบรมมาแบบนี้ซ้ำๆ พอโตขึ้นมาอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นปัญหาอยู่ ก็ยังทำต่อไปเรื่อย”
Solution
การมีครอบครัวที่อบอุ่น มีเวลาให้แฟนบ้าง ลูกบ้าง ทำกิจกรรมร่วมกัน เวลาแห่งความสุขเหล่านี้ถึงมีเงินมากโขก็หาซื้อไม่ได้ หากมัวแต่ทำงานหนัก โหมโอที แต่ครอบครัวแตกแยกพังสลายมันคุ้มเหรอ คุณหมอโยธิน แนะว่า ควรทำงานให้เป็น อย่าหลับหูหลับตา เหนื่อยแค่ไหนก็สู้ทำ ทุกอย่างต้องมีลิมิต อย่ามีชีวิตเกินร้อย เครื่องจักรที่เป็นเหล็กยังต้องพัก แล้วคนเราไม่ใช่เครื่องจักร ถ้าไม่พักย่อมมีผลเสีย
“การติดงานมากไป จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว ลูกเต้า อาจก่อให้เกิดปัญหาระดับชาติ คือ ครอบครัวแตกแยก เด็กมีปัญหา เพราะพ่อไม่มีเวลาให้ วันๆ ทำแต่งาน ไม่สนใจลูก ภรรยา ต้องรอการกลับมาของสามีดึกดื่น ไม่มีเวลาได้คุยกัน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ อย่าลืม ว่าเงิน ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง”
“เหมือนการติดสิ่งต่างๆ ทั่วไป ที่ไม่ใช่สิ่งเสพติด แต่ว่าเขาต้องไม่ทำเกินไป ต้องไม่ก่อเกิดปัญหาให้ชีวิต งานต้องทำให้เขาพัฒนาตัวเองหรือว่ามีการทะเยอทะยานทำให้ชีวิตเขาเจริญก้าวหน้าขึ้นก็จะดี ถ้าติดงานมากเกินไปก็ไม่ดี เหมือนเป็นดาบสองคม "
Case2 : ติดแม่ |
หากคุณเจอผู้ชายประเภทลูกแหง่ เรียกได้ว่าโป๊ะเช๊ะคร้าบพี่น้อง ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นยังพอฟัดพอเหวี่ยง แต่ถ้าเป็นหม่าม้าแสนเลิฟของแฟนนี่ซิ จะแตะจะสอยจะบ่นว่าก็ไม่ได้ ประเด็นนี้อ่อนไหวสำหรับผู้ชายรักแม่ม้าก ห้ามใครแตะต้อง แม้แต่เมีย จะไปเที่ยวกับแฟนทียังต้องถามแม่ ไม่รู้เวลาขึ้นเตียงต้องเซย์ฮัลโหลถามแม่ด้วยมั้ย ว่าต้องทำอีท่าไหน
คุณหมอโยธิน ชี้ว่า ผู้ชายบางคนอาจเป็นโรคบุคลิกภาพโตไม่เต็มที่ (Immature) ทำให้เป็นลูกแหง่ติดแม่ได้
“หมอเคยเจอมาเหมือนกันครับพวกลูกติดแม่ ส่วนใหญ่เป็นการเลี้ยงดู แต่ก็มีส่วนน้อยที่เป็นโรค เป็นบุคลิกภาพที่ไม่โตเต็มที่ คือ ไม่พร้อมที่จะไปนำใคร ส่วนใหญ่จะอยากเป็นผู้ตามมากกว่า ดังนั้นเวลาอยู่กับแฟนก็จะเป็นผู้ตาม อยากมีคนชี้นำทางอะไรให้ ยังไม่โตเต็มที่ ซึ่งอาจจะก่อปัญหาในการมีชีวิตครอบครัวได้ ขึ้นกับระดับของการติด ถ้าติดมากไปก็เป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ มีอะไรก็จะพึ่งแม่ตลอด จนดูแลตนเอง และคนอื่นไม่เป็น”
Solution
ก่อนอื่นผู้เป็นแฟนต้องถามใจตัวเองเป็นอันดับแรก ว่า “รับได้ไหม” คุณหมอแนะ ต้องมองถึงอนาคตว่าเราต้องเจออะไรบ้าง ถึงขั้นทำชีวิตคู่วุ่นวายไหม ถ้าคำตอบคือ “ชั้นรับไม่ได้” ก็คงต้องสวม converse ทางใครทางมันแล้วล่ะ
“ถ้ามีแฟนติดแม่ ต้องถามอย่างแรก ก่อนอื่นเลยว่า แฟนของตนมีปัญหาหรือเปล่า ติดแม่ต้องประเมินดูว่า ตัวคนนั้นมีผลกระทบต่อชีวิตด้านอื่นหรือเปล่า เช่น ทำอะไรไม่ได้เลย ต้องถามแม่ตลอด คิดเองไม่ได้ จะแต่งงาน หรือจะไปเที่ยวกับแฟนก็ต้องถามแม่ก่อน แต่แต่งงานอาจเป็นเรื่องปกติ ต้องถามแม่เป็นเรื่องธรรมดา แต่ไปเที่ยว ทำอะไรต้องถามแม่ ขออนุญาตทุกครั้งจนชีวิตวุ่นวาย
ต้องถามเขาว่า รู้สึกอย่างไร เขาอยากเปลี่ยน อยากแก้ไขอะไรไหม มันเกิดปัญหาต่อชีวิตเขาหรือเปล่า ทำให้เขาไม่สบายใจ อะไรหรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่ถ้าเขาไม่อยากแก้ ก็ต้องเป็นเรื่องของเขาแล้ว ว่าต้องตัดสินใจเอง ส่วนผู้เป็นแฟนต้องคิดแล้ว เราจะเหมาะกับเขาหรือ แต่ถ้ารักกันจริงๆ ก็ควรจะปรับเข้าหากันก่อนเท่าที่ทำได้ สุดท้ายถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องทำใจ หรือ ตัดใจ
แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นอยากแก้มันก็มีวิธีแก้ คือ มาดูว่าสิ่งที่เขาทำ ชั่งน้ำหนักว่า ตรงนี้มันจำเป็นต้องขนาดนี้หรือเปล่า หมอเคยเจอเคส (case) หนึ่ง ถ้าไม่ทำตามใจคุณแม่ คุณแม่เป็นโรคหัวใจ เขาต้องยอมทำตามแม่ทุกอย่าง ขัดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวโรคหัวใจกำเริบ จะอันตราย เขาก็มีเหตุผลที่ต้องทำ”
คุณหมอ บอกเล่าประสบการณ์ลูกติดแหง่แม่ที่มีเหตุผลในแง่ดี อภัยได้ ที่ต้องจำใจติด
Case3 : ติดเพื่อน ติดเหล้า สารเสพติด |
วัยโจ๋ และวัยทำงานติดเพื่อน ติดสังคม และลงเอยด้วยการติดเหล้ามากสุด เป็นเรื่องธรรมดาสามัญผู้ชายมักมีสังคม รักเสียงเพลง ชอบคุยสนุกเฮฮาลั้นลา ในหมู่เพื่อนฝูง คุณหมอแจงว่า เป็นเรื่องที่ดูเหมือนปกติแต่ไม่ปกติ ในทุกชนชาติ
"ส่วนใหญ่จะพบในช่วงวัยรุ่น ถ้าติดแม่ส่วนใหญ่จะพบในช่วงเด็กๆ หรือเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่โต 2 กรณีนี้จะคล้ายๆ กันก็คือ เขาได้รับบางสิ่งบางอย่างที่เขาต้องการ เป็นประเด็นทางจิตวิทยา
แต่ถ้าอธิบายเป็นประเด็นทางวิทยาศาสตร์ คือ สารเคมีในสมอง จะมีตัวรับสัญญาณอันหนึ่งในสมอง เวลาเราได้สิ่งที่มันพึงพอใจมันจะหลั่งสารความสุขออกมา จึงทำให้สมองจึงทำให้สมองรับรู้ความสุขและสั่งให้เพิ่มพฤติกรรมนั้นมากขึ้น เหมือนกับสารเสพติดเพียงแต่สารเคมีในสมองจะถูกกระตุ้นโดยสารเสพติดได้มากกว่า การได้รับรางวัลทั่วไป
ดังนั้นการ ติดแม่ ติดเพื่อน คล้ายกันจะก็จะมีการหลั่งสารเคมีในสมองเหมือนกัน แต่ไม่ได้ปริมาณมาก ถ้าทำแล้วได้รับสิ่งที่ต้องการมีความสุขก็จะทำมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่การติดสารเสพติดนั้นจะมีผลกระทบกับสมองรุนแรงมากกว่า จนอาจทำให้ระบบความสุขของชีวิตเสียไป”
Solution
สติ สติ และ สติ ท่องไว้ให้ขึ้นใจ ติดเหล้าเมาเรื้อนทำให้ขาดสติ ยับยั้งชั่งใจไม่ได้ ปัญหาตามมาอื้อ
“ทำให้เขารู้ก่อน ทางพุทธเรียกว่า ทำให้เขามีสติ เขาต้องรู้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ มีปัญหาไหม ถ้าเขามีสติ เขาจะมีปัญญาตามมา แล้วเขาจะแสวงหาทางแก้เอง ฉะนั้นทางแก้อย่างแรกคือ ต้องทำให้เขามีสติ ถ้าพยายามเต็มที่แล้วยังไร้สติก็ปล่อยเขาไปเถอะ
แต่บางส่วน เป็นเรื่องวิสัยของผู้ชาย เขามีเพื่อนเรียนหนังสือมาด้วยกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อแยกย้ายทำงานกันแล้ว ต้องนัดพบปะสังสรรค์เป็นของธรรมดา แต่ถ้ามากเกินไปก็ต้องคุยกัน ปรับความเข้าใจกันให้ดี ”
Case4 : ติดเกม ติดอินเตอร์เน็ต |
ติดโลกสังคมออนไลน์ ก็เหมือนติดกับดักเทคโนโลยี หากใช้เป็นก็ก่อเกิดประโยชน์มหาศาล แต่หากใช้มากจนผิดคอนเซปต์นั่งหน้าคอมพ์เล่นเกมส์จนรากงอก อาจทำชีวิตเรียน การงานล่มจมอับแสงได้ หลงคิดว่าชีวิตของตนกับในโลกไซเบอร์เป็นสิ่งเดียวกัน (เหมือนดังคนที่ถูก Inception จนติดอยู่ในความฝัน)
"คนเหล่านี้ต้องการ อาจการยอมรับจากสังคม แม้ไม่ใช่สังคมที่แท้จริง แต่เป็นสังคมในโลกออนไลน์ หรือเพื่อนที่เล่นเกมด้วยกัน ยอมรับว่า คนนี้เก่งน่ะ ทำให้รู้สึกถูกยอมรับ” คุณหมอโยธิน ชี้แจงว่า
“เขาต้องการยอมรับจากคนที่เป็นเป้าหมาย เป็น target ของตัวเอง ว่าเขาเก่งน่ะ โดยทั่วไปที่อยากให้เขามายอมรับ ก็เพื่อจะได้ยอมรับตนเองได้ทั้งนี้ มันก็ไม่ได้เหมือนกันทุกคน ขึ้นอยู่กับพื้นฐาน ประวัติการเลี้ยงดูเดิมของแต่ละคนครับ"
Solution
กระตุ้นเตือนให้รู้ตัว ว่าอย่าหมกมุ่นมากเกิน อาจจำกัดเวลาในการเล่นเกม เพื่อเอาเวลาที่เหลือไปทำกิจกรรมอื่นที่เป็นประโยชน์ คุณหมอ แนะวิธี ถอนรากออกจากเกม และเน็ต
“หรือเด็กที่เล่นเกมส่วนใหญ่จะบอกว่า ขอเล่นอีก 2-3 ชั่วโมง ไม่มีปัญหาหรอก แต่จริงๆ แล้วต้องทำให้เขารู้ว่าเสียเวลาในการทำอย่างอื่น เช่น การนอน การอ่านหนังสือ
ต้องทำให้เขารู้ตัวก่อน ว่าสิ่งที่เขาทำ มันเป็นปัญหาหรือเปล่า ส่วนใหญ่ตัวเขาเองจะไม่รู้หรอก ส่วนใหญ่คนรอบข้างจะรู้ก่อนเสมอ”
Case5 : ติดเซ็กซ์ |
อืม ว่าไปแล้วข้อนี้ ติดก็ดีน่ะ เขาจะได้ไม่ห่างเรา แต่หากไม่ใช่กับแฟนนี่ซิคะ งานเข้าแน่ๆ แต่ถ้าถึงกับสะกิดบ่อยเกินเหตุ วันๆ ร้องระงมเสียงหลงจนคางเหลืองคลานกันไปทำงานก็ไม่ไหวจะเคลียร์ค่ะ
ประเด็นติดเซ็กซ์นี้คุณหมอ กล่าวว่า
"การต้องการได้รับความสุขจากการติดเซ็กซ์นั้น ถ้ามากไปจะเป็นปัญหา ไม่ว่าจะติดอะไรก็ตาม คือพฤติกรรม ที่ทำมากเกินทางสายกลาง จะก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับชีวิตเขา
การติดเซ็กซ์ ถ้ามีเซ็กซ์กับแฟนเป็นครั้งเป็นคราวแล้วมีความสุข ไม่ผิดปกติ แต่เช่นกรณีไทเกอร์ วูดส์ (Tiger Woods) มีภรรยาน้อย ต้องเที่ยวผู้หญิงเป็นประจำ ก็จะเสี่ยงต่อการติดโรค มันก็จะเป็นปัญหา ดังนั้นการติดถ้าควบคุมให้อยู่ในระดับที่โอเค ก็จะไม่ค่อยเป็นปัญหา แต่ส่วนใหญ่มนุษย์ ทั่วไปจะคุมไม่ค่อยได้”
ถ้าดูที่ต้นเหตุแล้ว มันเกี่ยวกับประเด็นในเรื่องของความสุขที่เขาได้รับ หรือ การยอมรับ อะไรที่เป็นความรู้สึกดีๆ ที่เขาได้รับ ก็จะทำให้คนทำพฤติกรรมเหล่านี้มากขึ้นๆ คนที่มีจิตใจอ่อนแอก็จะควบคุมไม่ได้ จะทำมากจนก่อให้เกิดปัญหาชีวิตของตัวเอง" คุณหมอยกตัวอย่างกรณีพี่มืดนักกอล์ฟชื่อดังก้องโลก ไทเกอร์ วูดส์ ที่ติดเซ็กซ์งอมแงมจนครอบครัวร้าวฉาน เมียขอหย่า ยุติชีวิตแฟมิลี่แมนแสนอบอุ่น
Solution
ต้องเลิกนิสัยคิดเข้าข้างตัวเองว่าการติดเซ็กซ์ไม่ใช่ปัญหา เลิกเสียทีค่านิยมอันผิดศีลธรรม ต้องข่มอกข่มใจ เพื่อครอบครัว และลูกเมีย หวนคิดถึงความสุขจริงๆ จากจิตใจบริสุทธิ์ ที่ไม่ใช่ตัณหา ราคะ คุณหมอ แนะนำ
“เขาต้องรับรู้ก่อนว่า สิ่งที่เขาทำอยู่มันก่อให้เกิดผลกระทบต่อชีวิต หรือเป็นปัญหากับชีวิตตัวเองหรือเปล่า ถ้าไม่ได้เป็นปัญหาอะไรจริงๆ ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง ก็ไม่ต้องไปแก้อะไร
ผู้ชายบางคนอาจจะแก้ตัวว่า ไม่เป็นปัญหาหรอก แต่จริงๆ แล้วมันเป็นปัญหาน่ะ แต่งงานไปแล้ว แต่ไปมีภรรยาน้อยเพื่อต้องการการยอมรับจากเพื่อนฝูง ว่า เก่งนะ มีเมียได้หลายคน อันนี้เป็นค่านิยมที่เขาคิดเองเอง หรือว่า ตามเพื่อน ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ต้องเกิดปัญหาในอนาคตที่แน่นอน”
Case6 : ติดหนังโป๊ |
"ผู้ชายส่วนใหญ่ดูหนังโป๊”
คุณหมอย้ำ จะมีผู้ชายนอกคอกไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์มั้ง ที่จะไม่ดูหนังอย่างว่า
“ปัจจุบันนี้สื่อค่อนข้างเปิดกว้าง อะไรก็ตามเป็นสิ่งที่ลึกลับน่าค้นหา ไม่เคยพบเห็นมาก่อน หรือต่างจากสรีระของเขา ผู้ชายก็จะชอบเข้าไปดู ชอบความตื่นเต้น เร้าใจ แต่ถ้าถึงขั้นติดหนังโป๊ดูบ่อยๆ จนเสียงานเสียการ”
บางคนนี่ซิคะ เยอะเกิ้น พอตกกลางคืนลับตาคนก็ปฏิบัติการสาว สาว สาว นั่งเหนี่ยวอยู่หน้าคอมพ์จนกระทั่งตัวเองอ่อนเพลีย กระหายน้ำ ไหวป่ะพี่
ต้นตอจริงๆ แล้ว คือ มนุษย์เรามีสัญชาตญานดิบทางเพศที่เรียกว่า Sexual drive แต่เรามีตัวควบคุมอยู่ คือ อีโก้ (Ego) กับซูเปอร์อีโก้ (Superego) Ego เป็นส่วนของบุคลิกภาพที่พัฒนามาจากการที่ทารกได้ติดต่อหรือมีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก บุคคลที่มีบุคลิกภาพปกติ คือ บุคคลที่มีการพัฒนา และ ใช้ Ego ได้มีประสิทธิภาพ ส่วน Superego เป็นส่วนของศีลธรรม จริยธรรมที่ได้รับค่านิยมและมาตรฐานจริยธรรมจากบิดามารดา หรือสิ่งแวดล้อมเป็นของตน โดยตั้งเป็นมาตรฐานความประพฤติ มาตรฐานนี้จะเป็นเสียงแทนบิดา มารดา หรือ ผู้เลี้ยงดู คอยบอกว่าอะไรควรทำ หรือไม่ควรทำ”
คุณหมอพูดพรางถอนหายใจ เดี๋ยวนี้มนุษย์เราความเจริญทางจิตใจเสื่อมถอยลงมากสวนทางกับวัตถุ
“ปัจจุบันมนุษย์เรามีแต่ความเจริญทางวัตถุ ส่วนความเจริญทางด้านจิตใจจะน้อยลงสวนทางกัน ดังนั้นบางคนจึงคิดว่าการดูหนังโป๊ และการมีกิ๊ก มีชู้ เป็นเรื่องไม่ผิดศีลธรรม เป็นเรื่องปกติ เขายอมรับกันในสังคม ซึ่งจริงๆ มันก่อให้เกิดปัญหากับเขา เป็นสิ่งที่ไม่ควร แม้แต่จะคิด เรื่องผิดลูกเมียผิดใคร”
Solution
คุณหมอชี้ว่า ปัญหาติดหนังโป๊ต้องปลูกฝัง แก้ตั้งแต่แบเบาะ เริ่มตั้งแต่เด็กเล็ก พ่อแม่นี่แหล่ะควรต้องสั่งสอน และยกตัวอย่างผลเสียของการดูมากไป แต่หากสั่งสอนเท่าไหร่ก็ไม่จำ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ว่างเมื่อไหร่เปิดคอมพ์ดูเว็บโป๊ ตำราเรียนไม่แตะ แต่หนังสือโป๊ขอให้บอก งั้นเราคงต้องปลง เพราะบางคนเขาอาจจะ “Born to be”
“ถ้าจะแก้ก็ตั้งแต่สังคมเลย ก็ต้องมีการปลูกฝังเด็กๆ ว่าไปทำอย่างนี้มันไม่ดีน่ะ ต้องบอกเขาด้วยว่ามันไม่ดีอย่างไร ก่อให้เกิดปัญหาอะไร ต้องมีตัวอย่าง ไม่ใช่ว่าไม่ยกตัวอย่าง ต้องทำให้เด็กรู้ ไม่งั้นเด็กจะคิดว่าอ้าว ไม่เห็นมีผลเสียอะไรเลย งี้ก็ทำได้ซิ ทำต่อไปเรื่อยๆได้ ขึ้นกับสันดานแต่ละคน พันธุกรรม หรือบางคนอาจจะ born to be ส่วนหนึ่ง บวกๆ กันสามอย่าง”
พวกผู้ชายติดหนังโป๊บางคนถึงขั้นเสพติดจนอารมณ์ค้าง คุมสติไม่อยู่ คุณหมอ ขอเตือนสาวๆ (ที่ไม่ใช่แฟน) เลยว่า เลี่ยงการอยู่สองต่อสองเด็ดขาด
“แต่ถ้าเขาดูหนังโป๊จนเสียงานเสียการ ควรจะเรียกมาพบหมอ เช่น เห็นคอมพิวเตอร์ไม่ได้ ต้องมือไม้สั่นเปิดดู หรือลุกลามจนเดินไปดูของคนนั้นคนนี้ไปทั่ว อันนั้นต้องส่งมารักษา การดูแบบนี้มากๆ เราสามารถเลือกรับสื่อได้ แต่การควบคุมตัวเองบางคนอาจจะไม่มี บางคนอาจจะเป็นคนดีที่ควบคุมตนเองไม่ได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการอยู่ด้วยกันสองต่อสอง"
ติดพอเป็นกษัย หอมปากหอมคอ พอรับได้ แต่หากติดแหง่กจนหลุดออกจากวังวนเหล่านี้ไม่ได้ ถึงขั้นเสียงานเสียการ เลยเถิดจนเสียความสัมพันธ์ที่บ่มเพาะกันมานานนับปี จนแฟนสาวส่ายหน้าหนี ช้านไม่อาวแล้ว ถอยดีกว่า เซย์กู้ดบาย หาแฟน หรือกิ๊กใหม่ ที่หล่อลากกระชากตับกว่าเดิม คราวนี้ล่ะมีหวังได้ลมจับ! น้ำตาเช็ดหัวเข่าติดเหล้าช้ำใจของจริงแน่ๆ เข้าใจ๋น่ะหนุ่มๆ….. |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น