วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นิทานสอนใจ : พ่อค้าคนเก่ง


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
       นิทานแทบทุกเรื่องมักขึ้นต้นว่า "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว" นิทานเรื่องนี้ก็เช่นกัน... กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพ่อค้าอยู่สองคนที่มีทุนทรัพย์และบริวารพอๆ กัน ทั้งคู่ตั้งใจที่จะเดินทางไปค้าขายยังเมืองที่ห่างไกลเมืองหนึ่ง ระหว่างทางจำต้องผ่านเข้าไปในดินแดนทุรกันดาร เต็มไปด้วยภัยอันตราย พ่อค้าคนหนึ่งขอออกเดินทางไปก่อน อีกคนตกลงตามไปทีหลัง ทิ้งช่วงห่างกันเป็นเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง ลองติดตามดูสิว่า พ่อค้าคนไหนคือคนเก่ง และเพราะเหตุใดเขาจึงสมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นพ่อค้าคนเก่ง
     
       ลองนึกถึงภาพขบวนสินค้าที่มีโคลากเกวียนเป็นแถวยาว เกวียนแต่ละเล่มล้วนบรรจุสินค้าต่างๆ มากมาย เพียบพร้อมด้วยเสบียงอาหารบริบูรณ์ เกวียนทุกเล่มมีหนุ่มร่างใหญ่กำยำควบคุมคุ้มกันตลอดการเดินทาง เกวียนสินค้าทุกเล่มในขบวนพร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรค ความทุรกันดาร และอันตรายต่างๆ แต่ใดๆ ในโลกล้วนไม่เที่ยง และแล้วเหตุการณ์อันไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้
     
       ขระที่พ่อค้าคนแรกพาขบวนเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง ก้ได้พบกองเกวียนขบวนหนึ่งสวนทางมา กองเกวียนนี้มีคนประมาณ 20 คน นั่งรถเทียมโคสีขาวประดับประดาสวยงาม ล้อเกวียนมีโคลนติดหนาเตอะ แสดงท่าทีให้เห้นว่าได้ฝ่าฝนที่ตกหนักมา คนเหล่านี้บอกพ่อค้าคนแรกว่า "ทางข้างหน้าอุดมสมบูรณ์หนักไม่ต้องกลัวว่าจะลำบากเลย"
     
       พ่อค้าคนแรกฟังแล้วเชื่อคำบอกนั้นสนิท และดีใจมากว่าทางข้างหน้านั้นสะดวกยิ่งนัก จึงปลดของหนักๆ ที่คิดว่าไม่ต้องใช้ออกไป สิ่งหนึ่งที่ทิ้งไปแน่ๆ คือน้ำและภาชนะบรรจุน้ำที่เป็นของหนัก ด้วยหวังที่จะเดินทางอย่างสะดวกขึ้น เมื่อน้ำหนักที่บรรทุกไว้เบาลง
     
       แต่เมื่อเดินทางต่อไปกลับพบแต่ความกันดารหาน้ำและอาหารไม่ได้ ต่างพากันอ่อนเพลียหมดกำลัง พวกยักษ์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นจึงมาจับกินได้ตามสบายทิ้งซากไว้เกลื่อนกลาด
     
       ครั้นได้เวลาที่พ่อค้าคนที่สองออกเดินทาง คงนึกภาพออกว่าแถวขบวนสินค้าครั้งนี้ไม่ต่างจากของพ่อค้าคนแรกเลย เช่นเดียวกันกับเมื่อพ่อค้าสองเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง ก็พบขบวนเกวียนที่ลุยโคลนเปียกฝนสวนมา พร้อมทั้งได้รับคำบอกเล่าว่าหนทางข้างหน้าอุดมสมบูรณ์ยิ่งนักเช่นกัน
     
       แต่พ่อค้าคนที่สองไม่ได้เชื่อตามคำพูดนั้น หากใช้ความสังเกตพินิจพิจารณาดินฟ้าอากาศ พ่อค้าคนนี้พบว่าไม่มีเค้าว่าในจะตกในที่ใกล้ๆ นี้เลย เช่น ไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง ไม่เห็นแสงฟ้าแลบแปลบปลาบ ไม่มีลมเย็มชุ่มชื้นพัดผ่าน ท้องฟ้าก็ไม่มืดครึ้ม อีกทั้งพิจารณาดูลักษณะของกลุ่มคนที่สวนทางมา ก็พบว่าท่าทางดุร้ายแววตาแข็งกร้าว ยืนอยู่กลางแดดก็ไม่มีเงาปรากฏให้เห็น คงมิใช่มนุษย์ธรรมดา
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
       เมื่อผิดสังเกตดังนี้แล้ว พ่อค้าคนที่สองก้ออกคำสั่งให้บริวารระแวดระวังอยู่ยามกันให้ดีและเตรียมอาวุธไว้ให้พร้อม อีกทั้งกำชับให้ใช้อาหารและน้ำอย่างประหยัด รีบเร่งเดินทางต่อไปจนถึงยังบริเวณที่พ่อค้าคนแรกประสบภัย เห็นซากคนตายเกลื่อนกลาดจึงสั่งให้หยุดพักใกล้ๆ จัดการระวังภัยอย่างรอบคอบ จึงสามารถพ้นภัยจากหมู่บ้านยักษ์เหล่านั้นและได้ทรัพย์สินมีค่าของเกวียนกองแรกและนำไปขายได้กำไรงดงามในที่สุด
       
       ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าคนไหน คือ พ่อค่าคนเก่ง และความเก่งของเขาเกิดจากสิ่งใด นั่นเพราะว่าเขาเป็นคนไม่ประมาท ไม่เชื่อคำพูดของคนแปลกหน้าง่ายๆ รู้จักระแวงภัย รู้จักป้องกันภัยที่จะมาถึง เป็นคนที่มีสติ ช่างสังเกต และรู้จักใช้ของอย่างประหยัดนั่นเอง
       
       ถ้าอยากเป็นคนเก่ง จะเลือกฝึกตนเองให้มีคุณสมบัติเหมือนพ่อค้าคนใด?......

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์
       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น