วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บุคลากรโรงเรียนคุณธรรมชั้นนำ  สพป.บุรีรัมย์ เขต4 ศึกษาดูงานที่โรงเรียนบ้านแปรง
สพป.นครราชสีมา เขต 5





ร่วมกิจกรรมการแข่งขันศิลปหัถกรรมนักเรียน


วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

โอมเพี้ยง! ทาครีม-ยิงเลเซอร์ เสก "หัวนมดำ" เป็นจุกชมพูได้จริงรึ!?

   
       By Lady Manager
       นอกจากอกไข่ดาวแล้ว "หัวนมดำ" ยังเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของคุณผู้หญิง เพราะทุกคนล้วนใฝ่ฝันอยากได้สีชมพูมาครอบครองพื้นที่บนยอดทรวงอก แต่ก็มีผู้ชายฉลาดน้อยบางคนเห็นแฟนตนเองหัวนมดำกลับคิดว่าผ่านศึกมาโชกโชนเจ็ดย่านน้ำซะงั้น ทั้งที่หนูไม่ได้ตั้งใจดำ หนูไม่ได้ตั้งใจด้ำ! แต่มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดหรอกย่ะ!
      
       
ไม่ต้องกังวลใจไปใย สมัยนี้มีสารพัดครีมอวดสรรพคุณเสกสรรค์ปั้นแต่งจุกให้ชมพูได้ เป็นแค่โฆษณาอวดอ้าง เรื่องจริงหรือลวงโลก ผลข้างเคียงอาจยิ่งใหญ่กว่าที่คิด แล้วถ้าขี้เกียจทาล่ะ เพราะทาไปเกือบสิบกระปุกยังดำคล้ำอยู่เหมือนเดิม งั้นตัวช่วยสุดท้าย ไปหาหมอเลเซอร์ เหอะ!
      
       
อืม หากเลเซอร์ไปจะคงความชมพูได้นานคุ้มกับเงินที่เสียไปมั้ยคะ พญ.พรภุชงค์ เลาห์เกริกเกียรติ แพทย์ผิวหนัง จากโรงพยาบาลพญาไท 3 มีคำตอบค่ะ
      
       
       หัวนมคล้ำเกิดจาก?

       "โดยพื้นฐานเป็นเรื่องของสีผิว แต่ละคนสีผิวไม่เหมือนกัน ฉะนั้นคนสีผิวเข้ม ตำแหน่งหัวนมก็จะมีสีคล้ำได้ เหมือนริมฝีปาก คนผิวขาวริมฝีปากจะค่อนข้างชมพู คนผิวคล้ำริมฝีปากจะสีคล้ำ อันนี้เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
      
       
ภาวะฮอร์โมน เช่น ช่วงตั้งครรภ์สังเกตสีผิวจะคล้ำขึ้น จะพบเห็นได้ว่าสีผิวจะเข้มขึ้นบริเวณคอ รวมทั้งรักแร้ ขาหนีบ สีจะคล้ำขึ้น รวมทั้งหัวนมจะมีสีคล้ำขึ้น ส่วนเรื่องของการแพ้ การระคายเคือง ก็อาจจะมีปัจจัยทำให้สีผิวเข้มขึ้นมาได้" คุณหมอพรภุชงค์กล่าว
      
       ใช้ครีมทาหัวนม ช่วยไม่ได้ 100 %
      
       ครีมช่วยได้เล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ควรระวัง! ส่วนผสมจำพวกลอกฝ้าให้ดี 
       "ครีมทาหัวนมจะเป็นเหมือนครีมกลุ่มไวท์เทนนิ่ง (Whitening) แต่สารที่ใช้ ไม่ควรผสมสาร AHA รวมทั้งกรดวิตามินเอ เนื่องจากมีฤทธิ์ของการลอกผิวอาจมีการลอกมากจนเกิดการระคายเคืองได้ ถ้าจะซื้อตามร้านเสริมสวย หรืออินเตอร์เน็ตก็ควรต้องระวังให้มาก เพราะผลิตภัณฑ์บางตัวอาจจะไม่ผ่าน อย.
      
       บางทีอาจมีพวกปรอท สารไฮโดรควิโนน(Hydroquinone) ซึ่งเป็นยารักษาฝ้า" คุณหมอขอเตือน แถมย้ำด้วยว่า การที่จะทาครีมเพื่อทำให้หัวนมมีสีชมพูเป็นไปได้ยาก
      
       
ฟอกสบู่บริเวณหัวนมมากๆ สาเหตุหนึ่งของความคล้ำ
      
       
"คงต้องดูแลป้องกันไม่ให้มีการระคายเคืองมาก ต้องระวังเรื่องการอาบน้ำ บางทีฟอกสบู่มากไป จะทำให้ผิวแห้ง หรือบางคนที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนัง ผิวตรงนี้อาจจะเกิดการแพ้ได้ง่าย ก็อาจจะเกิดรอยดำคล้ำได้ง่าย หลังอาบน้ำควรทาครีมบำรุงตามปกติ”
      
       หรือแบ่งปันครีมทาหน้าเพื่อความกระจ่างใสมาทาถูหัวนมได้เช่นกันซึ่งจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อใช้

      
       เลเซอร์เสกจุกชมพูเพียงแค่ครึ่งปี
      
       หากใช้ครีมทาจนท้อแท้ เมื่อไหร่จะชมพูสักที ชักนานเกินไป ล่อไปหลายกระปุกแล้ว ความคล้ำยังไม่เลือนหายไปจากยอดปทุมถันชั้นสักที เฮ้อ! เลเซอร์ช่วยคุณได้แต่ไม่ถาวร
      
       
"หากใช้ครีมแล้วได้ผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจ หมออาจมีการใช้เลเซอร์ช่วยบ้าง หัวนมสีคล้ำเราใช้เลเซอร์ช่วยได้ เช่นเดียวกับริมฝีปากคล้ำ จะเป็นการลอกผิวบางๆ ออกไป แต่ไม่ชมพูถาวร ได้ผลแค่ชั่วคราว เพราะผิวจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา"
      
       
แนวทางการรักษาด้วยการยิงเลเซอร์เช่นเดียวกับการรักษา “กระ”
       
       “หมอใช้การยิงเลเซอร์ด้วย Q-switched Nd-YAG Laser คือ ยิงขึ้นสะเก็ดแผลเล็กๆ จะมีสะเก็ดแผลอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์
      
       
ก่อนการทำเลเซอร์ต้องใส่ยาชา ทำเสร็จแล้วอาจมีอาการเจ็บแสบ และจะเป็นสะเก็ดแผลตรงลานหัวนมที่เรายิงเลเซอร์ หลังจากนั้นควรดูแลเรื่องสะเก็ดแผล การดูแลค่อนข้างยุ่งยากนิดหนึ่ง เพราะตำแหน่งนี้บอบบาง”
      
       
ก่อนการยิงเลเซอร์ คุณหมอพรภุชงค์ย้ำข้อเท็จจริงให้ทราบว่า ค่าใช้จ่ายในการยิงเลเซอร์จะสูงกว่าการซื้อครีมมาทาเองแถมครั้งแรกอาจไม่ได้ผล
      
       
“โดยทั่วไปหมอไม่ได้เลเซอร์ตรงส่วนปลายหัวนม จะเลเซอร์แค่ลานหัวนมเท่านั้น เราต้องบอกข้อมูลให้คนไข้รับทราบก่อนว่า การยิงเลเซอร์ไปอาจะช่วยไม่ได้มากนัก มีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500-3,000 บาทต่อการยิงเลเซอร์ 1 ครั้ง สีของหัวนมจะอ่อนลงชั่วคราวและจะอยู่แค่ประมาณ 4-5 เดือน ไม่ถึงปีแน่นอน บางครั้งยิงไปครั้งเดียวอาจไม่ให้สีชมพูต้องมาทำอีก เพราะผิวต้องมีการเปลี่ยนแปลงจากธรรมชาติของสีผิวเราเอง เหมือนเราทำเลเซอร์หน้า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงต้องกลับมาทำซ้ำ" คุณหมอชี้แจง 
      
       ทาครีม-ยิงเลเซอร์ไม่ทันใจ สักสีเลยดีมั้ย?
      
       "ริมฝีปากสีคล้ำเรายังทาลิปสติกได้ แต่หัวนมทาไม่ได้ อีกทางเลือกหนึ่งของบางคน คือ การสักสี แต่สีที่ได้ก็จะไม่ธรรมชาติ” คุณหมอชี้แจงการสักสี เตือนความเสี่ยงของการติดเชื้อ ชั่งใจคิดสักนิดก่อนลงเข็มสัก
      
       
“โดยทั่วไปเราก็ถือว่าการสักไม่มีประโยชน์ เป็นการตบแต่ง แต่ต้องคิดด้วยว่า หากเมื่อไหร่อยากลบรอยสักขึ้นมา จะแก้ยากมาก รอยสักไม่ได้แก้ด้วยเลเซอร์เพียงครั้งเดียวหาย ต้องทำหลายรอบ หรือถ้าสักไม่ดีอาจเกิดการติดเชื้ออีก ทางการแพทย์ไม่มีใครสนับสนุนเรื่องของการสักอยู่แล้ว ยกเว้นบางคนมีปัญหาเรื่องของอุบัติเหตุ อาจจะต้องมีการสักสีช่วย แต่ในส่วนของหัวนม หมอไม่แนะนำอยู่แล้ว"
       *หมอขอฝาก
       จุกชมพูแค่ภาพลวงตา ยอมรับตัวตนดีกว่า
       
       คุณหมอ ชี้การใช้ครีมและเลเซอร์ ได้ผลแค่ชั่วครู่ชั่วยาม
      
       
"ในการเลือกซื้อครีมทาหัวนมควรระวังครีมหรือยาที่ไม่ผ่านอย. โดยเฉพาะที่ซื้อขายตามอินเตอร์เน็ต ร้านเสริมสวย เพราะไม่สามารถหาคนรับผิดชอบได้ ในครีมอาจจะมีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน ซึ่งเป็นยารักษาฝ้าอาจจะทำให้เกิดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ
      
       หรือถ้าใส่ส่วนผสมที่เป็นสารสเตียรอยด์ก็จะทำให้เกิดผิวบาง และยิ่งถ้าใส่สารปรอทที่เป็นสารต้องห้ามก็อาจจะเกิดอันตราย มีผื่นแพ้ ผิวคล้ำขึ้นได้หรือถ้าผสมกรดวิตามินเอก็จะเกิดการระคายเคือง ผิวแห้งลอก ผลิตภัณฑ์หรือครีมทาที่ควรจะต้องระวัง เวลาเห็นตลับที่บรรจุไม่มีชื่อ ไม่มีเลขที่อย. ไม่มีแหล่งผลิต อาจจะมีสารที่เป็นอันตรายได้
      
       
การยิงเลเซอร์เป็นการแก้ปัญหาได้ชั่วคราว การยิงเลเซอร์ไปแต่ละครั้งก็มีปัญหา เรื่องของการเกิดสะเก็ด การดูแลสะเก็ดหากหลุดเร็วอาจกลายเป็นรอยด่าง รอยดำหลังยิงอีกแต่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งในกรณีที่คนไข้อาจใช้ยาแล้วไม่ดีขึ้น
      
       เราก็ต้องพูดกลางๆ ว่าไม่ได้เป็นผลที่แน่นอน 100% ว่าผิวจะต้องเป็นสีชมพูเลยในการทำครั้งเดียว บางทีอาจจะต้องทำหลายครั้งก็ได้ ประมาณ 2-3 ครั้ง โดยเฉลี่ยขึ้นอยู่กับความพอใจทิ้งระยะห่างเป็นเดือนหากจะมาเลเซอร์ใหม่ อาจจะมีความพอใจในระดับหนึ่งแต่ไม่ใช่ว่าจนถึงที่สุด” คุณหมอเตือนปิดท้าย
      
       
จำไว้สาวๆ หัวนมดำเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่หากหัวใจดำและบอดเข้าสิงร่างไม่ไปผุดไปเกิดนี่ซิ น่ารังเกียจยิ่งกว่าเยอะ!

ที่มาข้อมูล : http://manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9540000010925
       

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ปัญหาขาหนีบคล้ำ-ก้นดำ-ศอกด้าน-รักแร้หมอง ปล่อยวางหรือขจัดได้?

       By Lady Manager
      
       
หน้าตาก็ดี๊ดี แต่ทำไมก้น ขาหนีบ รักแร้ด้ำดำ บางรายผิวพรรณขาวผ่องน่ายกซด แต่พอเห็นข้อศอก ตาตุ่ม ดันด้านดำปี๋ต่างกับสีตัวซะงั้น เห็นแล้วสะเทือนอารมณ์ชายชะมัด!
      
       
แล้วเพราะสาเหตุอะไร มีวิธีขจัดเสี้ยนหนามความสวย แก้กลุ้มเรื่องดำเหนี่ยงเฉพาะจุดได้ไหม คิดเองเออเองคงไม่ดีมั้ง งั้นไปถามผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังกันดีกว่า
       "ตาตุ่ม หัวเข่า ข้อศอก ส่วนใหญ่ที่ดำเพราะเป็นเรื่องของการเสียดสีบริเวณตำแหน่งนั้น หากมีการเสียดสีมากๆ หนังก็จะมีการหนาตัวขึ้นและดำ
      
       หากเป็นการดำบริเวณรักแร้ และขาหนีบ ก้น จะเป็นเรื่องของการเสียดสีด้วย หรือมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น รักแร้ อาจจะมีปัจจัยของการใช้พวกโรลออนหรือสารระงับกลิ่นกาย ซึ่งมีน้ำหอมแอลกอฮอล์อาจทำให้ดำมากขึ้น หรือบริเวณขาหนีบตำแหน่งของผิวหนังทำให้เกิดการเสียดสี โดยปกติบริเวณนี้เม็ดสีจะเยอะกว่าบริเวณอื่นอยู่แล้ว จึงมีแนวโน้มดำกว่าที่อื่น"
      
       
พญ.ทวีรัตนา บุตรสุนทร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโรงพยาบาลกรุงเทพ บอกกล่าวถึงสาเหตุอาการผิวหนังดำผิดปกติ ไม่เจริญหูเจริญตาเอาซะเลย
      
       
คุณหมอบอกว่า การเสียดสีเป็นปัจจัยหลักทำให้จุดสัมผัสของผิวหนังดำ และหนาตัว
      
       
"ยิ่งมีการเสียดสี เช่น ใส่กางเกงรัดๆ ยิ่งเป็นยีนส์ยิ่งเสียดสีเข้าไปใหญ่ เพราะผ้าค่อนข้างหนา หรือสวมกางเกงในฟิต และความอ้วน ก็เป็นอีกปัจจัยเพราะจะทำให้ผิวหนังเสียดสีมากกว่าคนน้ำหนักปกติ บางรายที่อ้วนมาก ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ รักษาไปอาจจะทรงๆ อยู่ แต่ความดำไม่หายไปก็มี"
      
       
ส่วนสาวคนไหนก้น และขาหนีบดำ คุณหมอทวีรัตนาขอแจงว่า
      
       
“ปกติเม็ดสีบริเวณขาหนีบ และก้นมักจะเยอะกว่าผิวหนังส่วนอื่นอยู่แล้ว แต่บางคนผอมมากก็ดำได้นะ เพราะเนื้อตรงผิวหนังช่วงที่เป็นกระดูกตรงก้น จะมีปริมาณน้อย จึงทำให้เกิดการเสียดสีมาก และทำให้ดำ จนกลายเป็นวงๆ เหมือนกระดูกตรงบริเวณก้นที่เสียดสีนั้นเลย"
      
       
เฮ้อ! นั่งมากก็ก้นดำ ใส่กางเกงในรัดติ้วเกินเหตุ ความดำก็มาเยือนขาหนีบ ไหนจะรักแร้ดำอีกล่ะ สู้อุตส่าห์ถอนขนจนน้ำตาเล็ดซะเกลี้ยงหวังจะขาวใสเหี้ยนเตียน แต่แทบผงะ! เมื่อเห็นผิวหนังสุดจะดำคล้ำ แถมตูดไก่โผล่ผุด
      
       
อย่าซีเรียสเครียดบ่นให้มากไปเลยสาวๆ สาเหตุที่ทำให้รักแร้ดำคล้ำ คุณหมอชี้ว่า การใช้โรลออนมีส่วนอย่างยิ่ง เพราะสารอลูมิเนียมที่อยู่ในโรลออนทั้งหลายมักทำให้ผิวระคายเคือง และทำให้เกิดความดำคล้ำได้ง่าย
      
       ดังนั้นถึงแม้โรลออนขวดนั้นจะผสมไวท์เทนนิ่ง สรรพคุณมากล้น เช่น มีสารสำคัญทำให้จั๊กกุแร้คุณผ่องใสออร่าภายใน 7 วัน หรือมากกว่านี้ก็ตาม แต่หากใช้ในรายที่เขาเกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองกับสารตัวนี้ ทาให้ตายอย่างไรก็ดำโฮกอยู่ดีนั่นแหล่ะ
      
       
"ส่วนใหญ่วิธีการรักษาหมอจะดูสภาพว่า ดำหนามากไหม และจะให้ยาไปทาตามสภาพ ถ้าดำอย่างเดียวอาจจะให้ยาที่ลดการทำงานของเม็ดสีตรงนั้น แต่ถ้ามันมีอาการหนาตัวอาจจะต้องใช้ยาที่ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวเล็กน้อย แต่หากใช้ยาบริเวณขาหนีบต้องระวังอย่างมาก เพราะเนื้อจะบางมาก หากไปซื้อยาทาเองควรถามเภสัชกรให้ดี
      
       
การรักษาด้วยยากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะดีกว่าไปซื้อยาข้างนอกมาทาเอง เพราะยาข้างนอกส่วนใหญ่ประสิทธิภาพในการรักษาจะค่อนข้างต่ำ เขาอาจจะมีข้อจำกัดว่าจะผสมยาได้กี่เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่พวกหมอจะใช้ในเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าได้"
       อ่ะ! มาถึงความชังอย่างแรงของผู้หญิงหลายคนที่ไม่ปลื้มในจุดๆ นี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเรายังคงต้องประสบพบเจอมันอยู่ดี ขัดก็ไม่ออก ถูก็ไม่หาย ไล่ยังไงมันก็ไม่ไป ชิ้ว ชิ้ว ความดำของมันสิงสู่จนน่าเกลียดทุเรศลูกกะตาไปหมดแล้ว จะอะไรซะอีกล่ะ ก็กำลังสาธยายถึงปัญหา ข้อศอกคล้ำ เข่าด้าน ตาตุ่มมืดไง เพราะมัน “ดำจังแก”
      
       
"ก่อนอื่นเราต้องสังเกตพฤติกรรมของเราก่อนว่า ต้องนั่งคุกเข่า นั่งขัดสมาธิตลอดเวลาไหม จนทำให้ตาตุ่มไปเสียดสีกับพื้นหรือเปล่า หรือชอบนั่งเท้าแขนเป็นประจำจนทำให้ข้อศอกดำหรือไม่ หากเป็นเพราะพฤติกรรมควรหลีกเลี่ยงซะ
      
       
อะไรที่เลี่ยงได้ เราก็หลีก หากเลี่ยงไม่ได้ เราอาจจะต้องหาอะไรมากันกระแทกบริเวณที่เสียดสีนั้น เช่นเวลานั่งควรเอาเบาะนุ่มๆมารองเพื่อลดการสัมผัส แต่สำหรับผู้ที่ต้องมีการสวดมนต์ นั่งคุกเข่า ทับตามหลังเท้าตัวเองวันละหลายครั้งเป็นประจำทุกวัน ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็คงไม่หาย
      
       
นอกเหนือจากนี้ อาจต้องใช้ยารักษา แต่ยาจะคนละกลุ่มกับขาหนีบดำ ก้นดำ เพราะส่วนใหญ่ผิวหนังตามจุดสัมผัสเช่น ข้อศอก หัวเข่า ตาตุ่ม หนังจะหนามากกว่าบริเวณขาหนีบ จึงทำให้ดูกร้าน และดำด้านหนา เราจึงต้องให้ความชุ่มชื้น ส่วนยาที่ใช้ในการรักษา จะเป็นประเภทผลัดเซลล์ผิว แน่นอนตัวยาจะแรงกว่าพวกขาหนีบดำ เพราะหนังบริเวณนั้นจะหนาตัวกว่านั่นเอง"
      
       
แต่โล่งใจได้หลายขุม คุณหมอแนะว่า การทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำในบริเวณจุดสัมผัส หรือเสียดสี ช่วยลดอาการดำ และความแห้งกร้านได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะช่วยทำให้ผิวไม่แห้ง ความหยาบจึงลดลงด้วย หรืออีกวิธีได้ผลไม่แพ้กัน คือ การสครับ (scrub)
      
       
"ตามจุดสัมผัสหากเราใช้ผลิตภัณฑ์พวกสครับขัดเบาๆ อาจจะพอให้จางลงได้บ้าง หรือให้ความหนาลดลงได้บ้าง แต่คงไม่ใช่ในรายที่ผิวดำมาก เพราะหมอไม่แนะนำให้สครับขัดแบบรุนแรง เพราะบางคนคิดว่า ยิ่งลงแรงขัดความดำจะได้หลุดออก เช่น เอาใยบวมหนาๆ มาขัดถูแรงๆ จนเกิดอาการอักเสบบวมแดง พอแดงมากๆ อาจจะทำให้ความดำเยอะขึ้นได้อีก เพราะนั่นคือการเสียดสีอย่างรุนแรง
      
       
ดังนั้นอย่าขัดตัวบ่อย อาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอ ที่สำคัญ ผงสครับขัดตัวต้องมีความละเอียดพอสมควร ไม่ใช่เอาแบบเม็ดเกลือชนิดหยาบๆ มาขัดตัวก็ไม่ไหว”
      
       
คุณหมอปิดประเด็นว่า ส่วนรักแร้ ขาหนีบ และก้น ห้ามขัดหรือถูแบบรุนแรงซาดิสต์ เพราะจะยิ่งทำให้ดำสุดจะบรรยายไปกันใหญ่ ควรทำความสะอาดแบบธรรมดา ใช้นิ้วมือขัดด้วยแรงปานกลางพอให้ขี้ไคลออกก็เพียงพอแล้ว
       
      
       
>>
 อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net
ท่ีมาข้อมูล : http://manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?News

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

10 ไอเดียแอ๊บจีบหนุ่มแบบเนียนๆ


       By Lady Manager
       
       หากเราชอบอยากเข้าสปาร์คชาร์จใครสักคนแต่ไม่อยากให้กระโตกกระตากจนไก่ตื่น หรือไหวตัว เพราะความเป็น “ผู้หญิง” นั้นทำให้ยากแก่การจีบ มันจะไม่งาม แหม..อยากสอยผู้ชายสักคน..ทำไมมันช่างยากเย็นจังฮู้

       
       จริงๆ แล้ว มันง่ายดั่งสอยรูเข็ม! แค่รู้ทริก 

       
       เรามีไอเดียเด็ดโดนช่วยคุณสานสัมพันธ์หนุ่มที่แอบหมายปองแบบแนบเนียนเจ้าตัวแทบไม่รู้ตัว พอมารู้ตัวอีกทีก็ได้ “ใจ” เราไปครอบครองเต็มแม็กซะแล้ว

       แอ๊บเนียนแรก
       ->ทักผิดหนังหน้าคล้ายเพื่อนสมัยเรียน
      
       “เอ่อ ขอโทษนะคะ หน้าคุณดูคุ้นจังเลย เคยเรียนมัธยมที่โรงเรียน (โม้มอยไปเหอะ เอาซัก ร.ร.) หรือเปล่าคะ” หลังจากแกล้งทักผิด โปรดทำหน้าฉงนงงงวย คล้ายว่าทักผิดจริงๆ เมื่อเขาตอบกลับว่า “คงจำคนผิดแล้วมั้งครับ” ใช้ช่วงจังหวะสวรรค์โปรดนี้ คลุกวงในทางคำพูดทันที สานสายใยรักถามกลับอีกว่า “หรือไม่ก็เป็นเพื่อนของเพื่อน” โม้ไปให้เนียนๆ จนรู้จักโปรไฟล์โคตรเหง้าเขาให้สิ้น
       
       การทำเนียนทักผิดแบบนี้ ทำให้เราได้สนทนาหรือทำความรู้จักกันอย่างสนิทสนม อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเขาเรียนที่ไหน บ้านอยู่ไหน ลูกเต้าเหล่าใคร จากนั้นก็แล้วแต่ความสามารถของคุณว่าจะคุยกันต่อในอนาคตได้อีกหรือเปล่า

      
       แอ๊บเนียนสอง
       ->ร่วมแจมแท็กทีมของเขา
       
       ผู้ชายส่วนใหญ่มักชอบกีฬา จะมีก็แต่เก้งกวางเท่านั้นแหล่ะที่จะไม่ปลื้ม หากหนุ่มที่เราชอบเป็นนักฟุตบอลหรือเล่นบาสเก็ตบอล เราจะมานั่งมองน้ำลายไหลในกล้ามปูของเขาเฉยๆ ได้ไง ต้องเอาตัวเข้าไปมีส่วนร่วมในทีมทุกอิริยาบถด้วยซิ

       
       หากสวยเอ็กซ์หน่อย ขอแนะนำให้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ แต่หากหน้าเน่าปนหน้าปลวกงั้นทางนี้เลย ฝ่ายปฐมพยาบาล หรือไม่ก็เด็กเก็บบอล ฝ่ายคอสตูมอะไรก็ว่าไป อย่างน้อยๆ ก็ได้สัมผัสตัว แต๊ะอั๋งเขาในช่วงเวลาบาดเจ็บไงล่ะ เก๋ม่ะ!

      
       แอ๊บเนียนสาม
       ->มือถือหาย ขอโทรเข้าเครื่องตัวเองหน่อย
      
       
คอนเฟิร์ม! วิธีนี้ถือว่าสำเร็จมาแล้วหลายราย ก่อนอื่นเล็งหาผู้ชายที่เราแอบปลื้มก่อนว่าเขามี “มือถือ” หรือไม่ และต้องไปแอบสีเขาช่วงที่เขากำลังโทรศัพท์คุยโม้อยู่ด้วย หลังจากนั้นคุณจงสวมบทบาทของหายให้มันแนบเนียน “อุ้ย! ทำไงดี โทรศัพท์หายไปไหนไม่รู้ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย” พูดเสียงดังฟังชัดเนื้อๆ เน้นๆ ให้เขารับรู้ อย่าพูดเสียงหงุงหงิงในลำคอเด็ดขาด หากเขาหูตึงแผนอาจล้มไม่เป็นท่า
      
       
เมื่อเขาได้ยินดังนั้น เขาอาจจะช่วยคุณหา หรือไม่ก็ “งั้น เดี๋ยวผมโทรเข้าเบอร์คุณให้ไหมครับ” แบบนี้เขาเรียกว่าเหยื่อติดเบ็ด แต่หากเจอพวกบื้อ เซ่อ คุณก็ต้องออกปากพูดขอยืมโทรศัพท์เขาเองอ่ะนะ
       
       แต่รับรองไม่มีผู้ชายคนไหนใจดำไม่ให้ยืมหรอกนอกเสียจาก “ค่าโทรหมด” ถือว่าซวยชวดไป แต่อย่าลืมคุณต้องทำหน้าทำตาว่ามือถือหายจริงๆ ประหนึ่งบ้านโดนไฟไหม้ แม่โดนหมากัดเลยนะ จากนั้นคุณก็จะได้เบอร์หนุ่มสุดเลิฟไว้โทรกริ๊งกร๊างแกล้งโทรผิดไงล่ะ

      
       แอ๊บเนียนสี่
       ->ช่วยทาครีมกันแดดให้หน่อยซิคะ
      
       แน่นอนไปพักร้อนชายทะเลเราต้องทา “ครีมกันแดด” มิเช่นนั้นอาจตัวดำเหนี่ยงเป็นเฉาก๊วยได้ แต่เมื่อสายตาไปแอบปิ๊งหนุ่มรูปงามปุ้บ มือไม้ของคุณต้องเริ่มใช้การไม่ได้ทันที เรียกว่าเป็นง่อยซะงั้น
       
       อ้างไปเลยคะ “รบกวนช่วยทาครีมกันแดดที่หลังให้หน่อยได้ไหมคะ พอดีทาไม่ถึง” อ้า! เสร็จโจร หากเขาเซย์เยส ปฏิบัติการสานรักขั้นแรกถือว่าสำเร็จ จากนั้นช่วงจังหวะที่เขาบรรจงลูบไล้ครีมกันแดดบนแผ่นหลังเรานั้น เราก็ชวนคุยโน้น คุยนี่ พักที่ไหน มาจากไหน ชื่ออะไร คำถามที่อยากรู้พรั่งพรูออกมาเลยคะ อย่าไปคิดว่าการกระทำแบบนี้ถือเป็นการ “อ่อย” เพราะแถวบ้านเขาเรียกว่า "ให้ท่า" หรอกย่ะ หากเราปล่อยเวลานี้หลุดลอยไปอาจจะไม่เจอเขาอีกแล้วก็ได้ ดังนั้นต้องรีบตักตวง มีน้อยกินตามน้อยเน้อ

      
       แอ๊บเนียนห้า
       ->เข้าฟิตเนส ให้เขาช่วยสอนออกกำลังกาย
       
       ฟิตเนสไม่ได้มีไว้สำหรับเก้งกวางกล้ามปูจุ้กกรูอย่างเดียว ผู้ชายแท้ๆ ก็มีย่ะ หากอยากเจอผู้ชายสุขภาพดีกล้ามเป็นมัด หน้าท้องเป็นลำ ต้องไปในสถานที่ที่ผู้ชายเหล่านี้เขาชอบไป แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง เครื่องลู่วิ่งนี้เขากดกันอย่างไร อยากเล่นกล้ามท้อง กล้ามแขนทำอย่างไรดีคะสำหรับผู้หญิง สารพัดคำถามตะบันถามเข้าไป เดี๋ยวเขาก็รำคาญสอนเราเอง 

       
       หลังจากออกกำลังกายกันเสร็จก็แสดงความขอบคุณด้วยการชวนเขาไปทานข้าวเล็กน้อย เพราะหลังออกกำลังกายแน่นอนความอยากอาหารจะเพิ่มทวีคูณ ไอ้นี่ก็น่ากิน นั่นก็น่ากระแทกปาก เชื่อซิ หากเขาเป็นผู้ชายทั้งแท่ง เขาต้องรีบกุลีกุจอเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ไปกับเรา แต่หากเขามีแท่งก็จริงแต่เอาไว้ใช้กับชายรักชายคงบ่ายเบี่ยงโน้นนี่ ขอให้คุณทำใจปั่นจักรยานออกกำลังกายให้น่องโป่งรอบหมู่บ้านเหอะ ไม่ต้องไปแล้วฟิตเนสอ่ะ เปลือง!

      
       แอ๊บเนียนหก
       ->ช่วยติดตะขอสร้อยคอหน่อยซิคะ
      
       ก่อนจะเอื้อนเอ่ยรบกวนเขาติดตะขอสร้อยขอให้ พึงสำรวจกลิ่นตัว คราบเหงื่อไคลช่วงต้นคอก่อนว่ามีขี้ไคลเป็นชั้นเหมือนหินปูน กลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยวพาอายหรือไม่ มิเช่นนั้นเขาอาจรังเกียจเราได้ ปะพรมน้ำหอมกลิ่นละมุนให้ปะทะจมูกเขาเล็กน้อยยิ่งดีใหญ่
       
       แน่นอนการใส่ตะขอสร้อยคอเองจากข้างหลังทำยากจะตาย (แต่หากขยับสร้อยมาไว้ข้างหน้าก็ใส่ตะของ่ายแล้วนะ แต่เราไม่ทำ เพราะเราอยากให้เขาใส่ให้ มีรัยปะ) คุณผู้ชายสุดแมนที่เราหมายปองจะไม่รีรอหลังเราขอความช่วยเหลือหรอก มิหนำซ้ำมือของเขาอาจเผลอสัมผัสต้นคออันขาวเนียนของเราอีกซะด้วย แซ่บหลาย!

      
       แอ๊บเนียนเจ็ด
       ->ขอให้เขาช่วยคอมเม้นท์เสื้อผ้าหน้าผม
       
       อันนี้เด็ด! กอบโกยข้อมูลความชอบส่วนตัวของเขา เราจะได้รู้ไงว่า ผู้ชายที่เราแอบชอบแอบหลงอยากกินใจแทบขาด ชอบผู้หญิงสไตล์ไหน แต่งตัวอย่างไร เราจะได้แต่งแบบนั้น เอาให้เป๊ะ!
      
       
ชอบผู้หญิงผมสั้นเหรอ เจ๊จัดให้ พ่อแม่บอกให้ตัดไม่เคยเชื่อไม่เคยฟังพอผู้ชายพูดไม่ทันขาดคำวิ่งโร่เข้าซาลอน ไม่ชอบผู้หญิงแต่งโป๊เหรอ หนูทำได้ เดี๋ยวจัดหนักรุ่งเช้าใส่เสื้อแขนยาวคอเต่า กางเกงขายาวคลุมส้นเท้า งี้แหล่ะ ผู้หญิงเราทำได้ทุกอย่าง หากคนที่เรารักปริปากบอกคำเดียว!
       
       แอ๊บเนียนแปด

       ->เพิ่มเขาเป็นเพื่อนในเฟซบุค
      
       ต้องขอกราบขอบพระคุณโลกแห่ง social network งามๆ ซักทีสองที เฟซบุค (facebook) ทำให้เราได้รู้จักใครสักคนทั้งต่างวัฒนธรรม เชื้อชาติ และคนที่เรารู้สึกดีด้วยโดยที่เขาไม่รู้ตัว อีกทั้งได้รู้ทั้งวัน เดือน ปีเกิด ทำงานที่ไหน ชอบฟังเพลง ภาพยนตร์อะไร มีแฟนหรือยังโดยดูจากสถานะ แถมแอบ save as รูปภาพเขาได้อีกต่างหาก
       
       เพิ่มเขาเป็นเพื่อนแบบเนียนๆ เมื่อเขารับกดรับเราเป็นเพื่อนปุ้บ เราต้องรีบแผลงศรรักปั้บ อย่างเช่น “ขอบคุณที่รับเป็นเพื่อนค้า :)” จากนั้นคุณก็ทำเนียนทักทายเขาเป็นประจำ เขาอัพรูปอะไรใหม่ หรือโพสข้อความอะไรก็ตาม จงกด like ถูกใจ หรือแสดงความคิดเห็นให้เขารู้ว่าเรายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ มีตัวตน ทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนเขาในโลกออนไลน์ คุยตอบโต้กันไปมา จนสนิทชิดเชื้อและเมื่อถึงจุดอิ่มตัว เชื่อซิ เดี๋ยวเขาก็ขอเจอคุณตัวเป็นๆ คราวนี้แต่งองค์ทรงเครื่องให้นิ้งเหมือนรูปแอ๊บแบ๊วในโปรไฟล์เลยนะคะ 

      
       แอ๊บเนียนเก้า
       ->อวยสไตล์การแต่งตัวของเขา
       
       เขาจะใส่เสื้อม่อฮ่อม หรือแต่งตัวกะโหลกกะลา แว็นซ์บอยแค่ไหน โปรดหลับหูหลับตาชื่นชมไปเหอะ “อุ้ยตาย คุณแต่งตัวเท่ห์จังเลย เหมาะกับคุณม้ามาก” ผู้ชายพอได้ยินคำชมจากปากสาว รับรองปลื้มยิ้มทั้งวันหุบปากแทบไม่ลง 

       
       คำชมช่วยทำให้เขารู้สึกดีกับเราอย่างบอกไม่ถูก ราวกับเจอเนื้อคู่ คุณรู้ไหม ว่าทำให้เขาประทับใจเมื่อแรกเจอ แล้วเราจะเข้าไปอยู่ในใจเขาโดยไม่รู้ตัวเมื่อเขาบังเอิญหยิบเสื้อผ้าตัวนั้นในวันที่เราชมเปาะขึ้นมา จนทำให้เขาอยากสานสัมพันธ์อันดีต่อกับเรา นั่นคือ จุดเริ่มต้นที่ดีเมื่อคุณเจอคนที่ใช่ 

      
       แอ๊บเนียนสุดท้าย
       ->รถเสีย ยางแตกขึ้นมาเชียว
       
       ผู้ชายกับรถเป็นของคู่กัน ส่วนผู้หญิงน้อยคนนักจะรู้เรื่องเครื่องยนต์ แต่การแอ๊บเนียนข้อนี้ ก่อนอื่นคุณต้องรู้เสียก่อนว่า ชายหนุ่มคนที่เราปลื้มเขาซ่อมรถ เช็กเครื่องยนต์กลไกเป็นหรือไม่ หากคำตอบคือ “ไม่” งั้นจงข้ามข้อนี้ไปเสีย

       
       แต่หากเขาช่ำชองเรื่องรถละก็ ลุยเลยคะ แกล้งเหยียบตะปู เจาะยางตัวเองก็ได้ (หากทำถึงขนาดนี้คงต้องหล่อระดับพี่โดมผสมพี่เคนนะมันถึงจะคุ้มง่ะ” หรือจะเป็นการแอ๊บน้ำมันหมด ขอความช่วยเหลือด่วน ที่สำคัญ ช่วงเวลานั้นต้องปลอดคนวิเวกและวังเวงไม่ปลอดภัยเสี่ยงต่อการจี้ปล้น ฟ้ามืดมิดรถเมล์หมด แท็กซี่โบกไม่จอดยิ่งดีใหญ่ เผลอๆ อาจแจ็คพอตหากรถเสียเกินเยียวยาเขาอาสาขับไปส่งเราถึงบ้าน อ๊ะ! งานนี้คุ้มเว้ยเฮ้ย! รถพังช่างมันฉันไม่แคร์

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มดลูก..อวัยวะที่น่าสงสารของผู้หญิง/อ้วน อารีวรรณ



       jatung_32@yahoo.com
       
       เป็นประเด็นข่าวร้อนแรงมาหลายวัน แถมยังโด่งดังไปทั่วโลกแล้วในขณะนี้ สำหรับเหตุการณ์เจอะเจอซากศพเด็กทารกเป็นจำนวนถึงสองพันสองราย ที่วัดไผ่เงินเพียงแห่งเดียวเท่านั้น !?!

       แต่เมื่อได้รับฟังข้อมูลว่า ในแต่ละปีมีจำนวนผู้หญิงตั้งครรภ์เป็นล้านคน แต่มีจำนวนเด็กที่อยู่รอดเป็นทารกเพียงแปดแสนกว่าคนเท่านั้น แสดงว่าในระยะเวลาตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิชีวิตใหม่จนคลอดและมีชีวิตรอดออกจากครรภ์มารดาได้ ต้องมีจำนวนทารกถึงสองแสนกว่ารายที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดนอกครรภ์มารดาได้ ดังนั้นปรากฏการณ์ซากศพทารกในวัดไผ่เงินนี้ อาจเป็นแค่ “ยอดน้ำแข็งในทะเล”เท่านั้น 
       
       ทารกสองแสนกว่าราย ที่ไม่อาจมีสภาพบุคคลตามกฎหมาย และไม่ปรากฏชื่อ-สกุลตามทะเบียนบ้าน สะท้อนภาพความจริงของปัญหาอีกหลากหลายเรื่องในสังคมไทย

       
       โดยที่เราไม่อาจจะโทษผู้หญิงที่ทำแท้ง แต่เพียงฝ่ายเดียว..ได้ด้วย และเราคงต้องหันมาใส่ใจปัญหาอื่นๆ ที่เชื่อมโยงเกี่ยวพันถึงกันด้วย เพื่อมองหาสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นนี้อย่างรอบด้าน 

       
       เช่น ทำไม? ต้องมีการทำแท้ง เนื่องจากมีการตั้งท้องที่ไม่พร้อมใช่หรือไม่?

       
       และเหตุใด จึงเกิดปัญหา “ท้องไม่พร้อม” 

       
       แค่คำถามนี้ คำถามเดียว ก็ได้คำตอบ อีกนับสิบ นับร้อย คำตอบ

       
       และคำตอบที่ได้ยินบ่อยๆ คงหนีไม่พ้น สังคมเสื่อม, ศีลธรรมเสื่อม, ค่านิยมวัฒนธรรมไทยแต่ดั้งเดิมเสื่อม ฯลฯ 

       
       แล้วเราจะแก้ปัญหาความเสื่อมเหล่านี้ได้อย่างไรล่ะค่ะ? 

       
       ถ้าเป็นกรณี "ท้องแล้วไม่มีคนรับ" จนหาทางออกไม่ได้ เป็นปัญหาของการทำแท้งด้วยหรือไม่? 

       
       หรือ “ท้องแล้วเดือดร้อน” เพราะฐานะยากจน ไม่มีความสามารถในการเลี้ยงลูกได้ล่ะ?

      
       แล้วทำไม? ผู้หญิงถึงตั้งท้องขึ้นมาได้ ..รักสนุกอย่างนั้นหรือ? หรือขาดความรู้ในการคุมกำเนิด?
       
       แล้วเราจะช่วยกันป้องกันการตั้งท้องไม่พร้อมได้อย่างไร? 

       
       ตอนนี้ ท้องแล้ว จะให้ทำอย่างไร?

       
       ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ การตั้งท้องเกิดจากผู้ชายและผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กัน 

       
       แล้วหน้าที่ป้องกันการตั้งท้อง ควรเป็นหน้าที่ของใคร ?

       
       ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นเพราะผู้หญิงมีมดลูกใช่หรือไม่???

       
       “มดลูก” กล้ามเนื้อก้อนหนึ่งที่มีขนาดเท่าไข่ไก่หรือกำปั่น กับคุณสมบัติพิเศษที่สามารถยืดขยายใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่า เพื่อปกป้องคุ้มครองสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในระยะเวลา 40 สัปดาห์ ควรจะเป็นอวัยวะสำคัญและมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ

       
       แต่ “มดลูก” อาจกลับกลายเป็นอวัยวะที่สร้างความเจ็บปวด อับอาย และอันตราย ให้กับผู้หญิงผู้เป็นเจ้าของได้ หากผู้หญิงคนนั้นไม่สามารถดูแลอวัยวะนี้ได้ดีพอ ..ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน

       
       เมื่อปีที่แล้ว มีข้อมูลว่า ทั่วโลกมีผู้หญิงเสียชีวิตจากการทำแท้งราว 50,000-100,000 คน ในประเทศไทยเองได้มีการเก็บข้อมูลในโรงพยาบาลของรัฐ และพบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ารับการรักษาพยาบาลจากการแท้งลูก มาด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด อุ้งเชิงกรานอักเสบ ตกเลือดจนต้องให้เลือด และมดลูกทะลุ หรือหมดโอกาสมีลูกได้อีกตลอดชีวิต

       
       อวัยวะภายในร่างกายของผู้หญิงเอง ซึ่งควรเป็นสิทธิธรรมชาติของผู้หญิงที่จะมีอำนาจตัดสินใจเลือกจะกระทำอย่างไรก็ได้ เนื่องจากเป็นเนื้อตัวร่างกายของตนเอง แต่สังคมและกฎหมายไทยยังเห็นว่า “คุณไม่สามารถกระทำอย่างถูกกฎหมายได้” 

       
       ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 305 บัญญัติให้ผู้หญิงสามารถทำแท้งได้ โดยไม่ผิดกฎหมายเพียง 2 กรณีเท่านั้น คือ ผู้หญิงจำเป็นต้องทำแท้งอันเนื่องมาจากการตั้งครรภ์เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้หญิงอย่างร้ายแรง และการที่ผู้หญิงนั้นถูกล่วงละเมิดทางเพศถูกข่มขืนจนตั้งครรภ์ เป็นต้น

       
       การแก้ไขปัญหาทำแท้ง จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ ภาคสังคม และภาคประชาชน เราต้องสร้างความตระหนักและตระหนกร่วมกัน เพื่อการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังเสียที

       
       ภาครัฐ อย่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เตรียมตรวจดีเอ็นเอซากศพเด็กทารกทั้งสองพันสองรายนี้ จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบได้ แต่เมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว ก็ได้แต่ตั้งคำสงสัยว่า จะตรวจดีเอ็นเอเพื่ออะไร ? 

       
       หากต้องการหาตัวผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 ที่มีเนื้อหาว่า

       
       “ หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูกหรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” 

       
       ซึ่งความผิดฐานทำให้แท้งลูกนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ค้นหาตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งก็คือ หญิงที่ทำแท้ง ส่วนผู้หญิงที่กระทำเมื่อรู้ว่าหากตนยอมรับว่าทำแท้งลูก ตนก็จะมีความผิดอาญา แล้วใครจะออกมายอมรับว่าตนกระทำไปแล้วบ้าง มีแต่จะพยายามลืมเลือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปเสียให้หมด

       
       หากคิดจะค้นหาผู้กระทำความผิดด้วยวิธีการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อให้ทราบถึงความเกี่ยวพันทางสายเลือดเป็นแม่ลูกกันนั้น เมื่อไม่มีใครออกมายอมรับก็คงต้องเชิญผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ทั่วทั้งเมืองมาตรวจดีเอ็นเอกัน ถามว่า มีกฎหมายฉบับใดที่สามารถบังคับให้ผู้หญิงทั้งหมดมาตรวจดีเอ็นเอได้ ? 

       
       และก็ไม่รู้ว่าต้องสุ่มตรวจผู้หญิงจำนวนกี่พันกี่หมื่นคนเพื่อให้เจอะเจอผลดีเอ็นเอที่มีความคล้ายคลึงกันจนสามารถจับคู่กันได้ว่าเป็นแม่ลูกกันจริงๆ และที่สำคัญค่าใช้จ่ายในการตรวจดีเอ็นเอต่อรายก็ไม่ใช่น้อยๆ เป็นจำนวนหลายพันบาท หากต้องตรวจเป็นพันเป็นหมื่นราย คงหมดงบประมาณอีกนับสิบๆ ล้านบาทแล้วได้ตัวผู้กระทำผิดสักรายสองราย เป็นการแก้ไขปัญหาที่คุ้มค่าแล้วหรือ? 

       
       ความจริง ขณะนี้ได้มีข้อเสนอจากเครือข่ายสตรีว่า ความผิดฐานทำให้แท้งลูก ไม่ควรมีบทลงโทษเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น แต่ควรมีบทลงโทษผู้ชายด้วย ซึ่งในหลายประเทศก็ได้บัญญัติบทลงโทษผู้ชายที่ทำให้เกิดการทำแท้ง เพื่อเป็นการเตือนสติคุณผู้ชายทั้งหลายให้ตระหนักว่า การจะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใดในขณะที่คุณยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบครอบครัว คุณเองก็ควรมีความรับผิดชอบในการป้องกันการตั้งท้องให้กับผู้หญิงด้วย อย่าผลักภาระนี้ให้ผู้หญิงต้องป้องกันการตั้งครรภ์แต่เพียงฝ่ายเดียวเลย 

       
       แนวทางแก้ปัญหาในลักษณะเช่นนี้ คุณผู้ชายทั้งหลายเห็นด้วยไหมคะ? 

        >> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net